อยากโชว์ผิวใส ใบหน้าไร้สิว แต่สำหรับผิวแพ้ง่ายแล้ว จะหยิบจะจับอะไรก็ต้องระวังเป็นพิเศษ ก่อนเลือกใช้สกินแคร์ยิ่งต้องใส่ใจและระมัดระวังให้มากขึ้น โดยเฉพาะสาวๆ ผิวแพ้ง่ายที่มีปัญหาสิว หลังจากสิวหัวโตๆ ยุบแล้วก็มักจะทิ้งของฝากไว้เสมอคือ ‘รอยสิว’ อยากจะกู้คืนผิวเนียนใสไร้รอยสิว ก็ยิ่งต้องพิถีพิถันในการเลือกผลิตภัณฑ์เป็นพิเศษ วันนี้เรามีเคล็ดลับในการกู้คืนผิวใส ลดรอยสิวเพียง 3 ขั้นตอนง่ายๆ มาฝากกันค่ะ
1. พอกหน้า มาส์กหน้าด้วยสมุนไพร :
การมาส์กหน้าด้วยสมุนไพรเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดรอยสิว แถมประหยัดเงินในกระเป๋า เพราะวัตถุดิบที่สามารถหาได้รอบตัว ตั้งแต่สมุนไพรในห้องครัวไปจนถึงสมุนไพรที่ปลูกเองง่ายๆ รอบบ้าน อาทิ หอมแดง มะนาว ว่านหางจระเข้ แตงกวา มะละกอสุก มะเขือเทศ สับปะรด เป็นต้น ซึ่งสมุนไพรเหล่านี้ล้วนอุดมไปด้วยวิตามินซี ที่เป็นส่วนสำคัญในการลดเลือนริ้วรอยจากสิวนั่นเอง
วิธีนี้ไม่ยากเลย เพียงแค่นำสมุนไพรเหล่านี้มาหั่นเป็นแว่นบางๆ หรือทุบให้บุบ แล้วนำมาถูตรงรอยดำ พอกทิ้งไว้สัก 15 – 20 นาที แล้วล้างออก ทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง รอยดำก็จะค่อยๆ จางหายไป และลดรอยสิวได้นั่นเอง แต่สาวๆ ต้องระวังการแพ้กรดธรรมชาติด้วย หากใช้แล้วแพ้หรือแสบคันให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการรักษาสิวด้วยสมุนไพรจะเป็นวิธีที่ง่ายและสามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่ไม่แนะนำสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่าย บอบบาง และไวต่อการระคายเคือง เพราะไม่ได้รับการรับรองจากแพทย์ผิวหนังว่าปลอดภัยจริงๆ อีกทั้งยังอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมา
2. ทำเลเซอร์ :
วิธีการทำเลเซอร์เป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับการกำจัดจุดด่างดำ ลดรอยสิว เพราะความยาวคลื่นในการรักษาสามารถลงลึกไปถึงเม็ดสีบนชั้นผิวหนังเลยทีเดียว ซึ่งวิธีนี้ทำให้รอยแผลเป็นจากสิวหายเร็วที่สุด
แต่ข้อเสียคือ หลังทำเลเซอร์ใบหน้าจะมีสะเก็ดแผล แม้สะเก็ดแผลนี้จะหลุดออกได้เองตามธรรมชาติเมื่อร่างกายมีกระบวนการซ่อมแซมผิวหนังบริเวณนั้น แต่ยังทำให้ผิวหน้าไวต่อแดด แพ้ง่าย เป็นแผลง่าย เนื่องจากเลเซอร์ทำให้เกิดความร้อนที่ผิวชั้นบน ผิวหนังจึงอักเสบง่ายและเกิดรอยแผล ยิ่งสำหรับคนที่ผิวบอบบางแพ้ง่ายอยู่แล้ว การทำเลเซอร์จึงเหมือนเป็นการกระตุ้นให้ผิวไวต่อความร้อน แสงแดด เป็นเหตุให้ผิวระคายเคืองได้ง่ายขึ้น ทั้งยังทำให้รู้สึกเจ็บขณะทำ เพราะความร้อนที่ถูกส่งผ่านลงไปยังผิวนั่นเอง ถึงแม้เลเซอร์บางชนิดจะมีการเป่าลมเย็นแต่ก็ยังทำให้รู้สึกเจ็บอยู่ดี
การทำเลเซอร์จึงไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุ แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ อาจจะเห็นผลเร็วแต่จะอยู่ไม่คงทนและทำให้ผิวหน้าบาง รวมถึงต้องคอยรักษาผิวหน้าหลังทำ หรือต้องทำซ้ำๆ เป็นประจำเพื่อให้ผลลัพธ์ยังคงอยู่

3.ใช้ครีมลดรอยสิวผิวแพ้ง่าย :
การใช้ครีมรักษารอยสิวเป็นวิธีการที่ปลอดภัย ที่ช่วยลดรอยสิวและรอยแผลเป็นจากสิวได้ดีที่สุด เพราะมีการวิจัยและรับรองผลจากแพทย์ผิวหนัง อีกทั้งให้ผลลัพธ์ระยะยาวและยั่งยืน เนื่องจากเป็นการรักษาปัญหาจากต้นตอของสาเหตุ อย่างครีมเวชสำอางยอดขายอันดับ 1 เรื่องลดเลือนรอยแผลเป็น จุดด่างดำ รอยสิวสำหรับผู้มีผิวแพ้ง่าย อีกทั้งยังจัดเป็นยาสามัญประจำบ้านของสาวๆ นั่นคือ Smooth-E Cream 97% ของผู้ใช้จริงยืนยันว่าเห็นผลที่สุด เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่มีการวิจัยและรับรองผลจากแพทย์ผิวหนังแนะนำให้คนที่มีผิวแพ้ง่ายใช้
ประกอบไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ 100% เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 7, 10, 15, 40 ไปจนถึง 100 กรัม ราคาเป็นมิตรกับทุกคน นอกจากนี้ยังเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว รักษาและฟื้นฟูเซลล์ผิวใหม่ ลดรอยสิว รอยแผลเป็นจากสิว จุดด่างดำ ผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส รอยแผลเป็นจากสิวอ่อนนุ่มลงได้ และมีส่วนช่วยลดอาการอักเสบของสิว เรียกได้ว่าคุณสมบัติครอบคลุมสุดๆ
นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ อาทิ
- Natural Alpha-Tocopherol เป็นวิตามินอีธรรมชาติบริสุทธิ์ชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ เมื่อเทียบกับวิตามินอีชนิดอื่นๆ ช่วยชะลอวัย และช่วยรักษาแผลเป็น รอยสิว จุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Cica (Centella Essence) เพิ่มสมรรถนะในการฟื้นฟูผิว เร่งการสร้าง Collagen ตามธรรมชาติ ผสานการทำงานกับ Vitamin E ที่แพทย์ผิวหนังพบว่า จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสมานผิว ลดเลือนรอยแผลเป็น จุดด่างดำ ริ้วรอย และป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ได้ดียิ่งขึ้น เสริมสุขภาพผิวให้ดีขึ้น ดูอ่อนวัย ไร้ริ้วรอย
- Aloe Vera (ว่านหางจระเข้) ช่วยขจัดและลดรอยสิว จุดด่างดำ ความมันบนใบหน้า เพิ่มความชุ่มชื้น กระชับรูขุมขนให้ผิวเรียบเนียน
นอกจากนี้ยังผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังว่าอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง แม้มีผิวบอบบางแพ้ง่าย จึงไม่แปลกใจว่าทำไม ครีมลดรอยสิว Smooth-E Cream ถึงครองใจสาวๆ และกลายเป็นยาสามัญประจำบ้านที่สาวๆ ควรมีติดบ้านไว้ หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อทั่วไป
นอกจาก 3 ขั้นตอนที่กล่าวไปข้างต้น การดูแลตัวเองให้ดีจากภายในก็เป็นสิ่งสำคัญ ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน และอย่าลืมทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันผิวจากรังสียูวีในแสงแดด เท่านี้ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวที่มีสภาพผิวแบบไหน ก็มั่นใจได้เลยว่าผิวสวยสุขภาพดีได้จากภายใน จนออร่ามาถึงภายนอกแน่นอน