แม้ว่าแสงแดดคือแหล่งที่มาในการสร้างวิตามินดี ซึ่งมีส่วนในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกาย แต่แสงแดดในแต่ละช่วงเวลาก็มีคุณและโทษที่ต่างกัน โดยเฉพาะช่วงแดดจัดๆ ตั้งแต่เวลา 10.00-15.00 น. ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ต้องหลีกเลี่ยง เนื่องจากมีปริมาณของแสงอัลตราไวโอเลต (UV) ที่เข้มข้นซึ่งทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังมากที่สุด มีผลทำให้ผิวแดงไหม้ ผิวคล้ำ ผิวแห้งกร้าน เป็นฝ้า ตกกระ แก่ก่อนวัย มากกว่านั้นแสงแดดยังไปปลดล็อกสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ (ROS) หากไม่รีบป้องกันไว้ อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ในระยะยาว
อยากสู้กับแสงแดดได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล จึงต้องทาครีมกันแดดเพื่อป้องกัน เป็นเหมือนกับการลงทุนระยะยาวสำหรับผิว แต่ก่อนจะลงทุนกับครีมกันแดดทาหน้าดีๆ สักชิ้น ต้องรู้วิธีการเลือกครีมกันแดดทาหน้าให้เหมาะสมเสียก่อน โดยเฉพาะสาวๆ ผิวแพ้ง่ายต้องเลือกให้ดีเป็นพิเศษ
5 สเต็ป เลือกครีมกันแดดทาหน้าให้เหมาะสมกับผิว
1. รู้จักประเภทครีมกันแดดทาหน้า : การทำงานของครีมกันแดด สามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ
- ครีมกันแดดทาหน้าประเภทดูดซับรังสี (Chemical Sunscreen) คือสารกันแดดแบบเคมีคัล ซึ่งเป็นสารกันแดดที่พบได้ทั่วไป ทำหน้าที่ดูดซับรังสีไม่ให้ทะลุผ่านไปยังผิวหนังได้ ต้องทาก่อนออกแดด 20 นาที และทาซ้ำบ่อยๆ แต่ไม่ทนต่อแสงแดด อีกทั้งไม่เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย เนื่องจากมีสารเคมีจำนวนมากกว่าแบบ Physical อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิวได้ง่าย
- ครีมกันแดดทาหน้าประเภทสะท้อนรังสี (Physical Sunscreen) ทำหน้าที่เหมือนเป็นกระจกเงาสะท้อนหรือหักเหรังสี UV ออกไปจากผิว ป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB ได้อย่างยาวนาน ทาแล้วสามารถออกแดดได้เลย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง จึงเป็นครีมกันแดดทาหน้าที่แพทย์ผิวหนังแนะนำสำหรับผิวแพ้ง่าย
- ครีมกันแดดทาหน้าประเภท (Hybrid Sunscreen) เป็นการนำคุณสมบัติของครีมกันแดดทาหน้าประเภทดูดซับรังสีและสะท้อนรังสีมารวมไว้ด้วยกัน ไม่เหมาะสำหรับคนผิวแพ้ง่าย เนื่องจากกันแดดหน้าประเภทนี้มีส่วนผสมของสารเคมี
2. เลือกเนื้อครีมกันแดดทาหน้าให้เหมาะกับสภาพผิว : ครีมกันแดดเป็นสกินแคร์ที่สำคัญสำหรับทุกเพศทุกวัย แต่ด้วยสภาพผิวและปัญหาผิวที่แตกต่าง ครีมกันแดดที่เลือกใช้จึงมีส่วนผสมและสารสำคัญที่ไม่เหมือนกัน
- เนื้อครีมกันแดดทาหน้า แบบ Dry-Touch : ครีมกันแดดทาหน้าที่มีเทคโนโลยี Dry-Touch จะให้สัมผัสที่บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ สามารถช่วยดูดซับน้ำมันของครีมกันแดด จึงควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้ดี ไม่ทิ้งความมันและสิ่งตกค้างให้เป็นต้นเหตุของสิว เหมาะสำหรับวัยรุ่น ผู้ที่มีผิวมัน แต่งหน้าเป็นประจำหรือคนที่มีปัญหาสิว ผิวแพ้ง่าย
- เนื้อครีมกันแดดทาหน้าที่มี cream based : ครีมกันแดดทาหน้าประเภทเนื้อครีมสามารถทาเป็นเมคอัพเบสก่อนลงเมคอัพหรือทาครีมบำรุงผิวทับได้เลย เนื้อครีมเกลี่ยง่าย โดดเด่นด้วยส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิว จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งหรือมีปัญหาเรื่องริ้วรอย
3. ประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดด
สถาบันผิวหนังอเมริกา (American Academy of Dermatology) แนะนำให้เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF (Sun Protection Factor) หรือค่าความสามารถในการป้องกันผิวจากรังสี ซึ่งตัวเลขที่ต่อท้ายจะเป็นค่าจำนวนเท่าของระยะเวลาที่ผิวทนต่อรังสี UVB (เท่านั้น) ก่อนที่จะเกิดปัญหาผิวไหม้แดด ผิวแสบร้อน หากต้องเผชิญกับแสงแดด ควรใช้ครีมกันแดดหน้าที่มีค่า SPF 30 หรือสูงกว่า โดยค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ SPF 50 ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย การใช้ครีมกันแดดทาหน้าที่มีค่า SPF สูงอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ ในส่วนของ PA (Protection grade of UVA) ที่มีส่วนช่วยป้องกัน UVA แพทย์ผิวหนังแนะนำว่าให้มี PA++ (สองบวก) ขึ้นไป
นอกจากประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดดได้ทั้งรังสี UVA และ UVB แล้ว ครีมกันแดดที่ดีควรซึมลงสู่ผิวอย่างรวดเร็วไม่เหนียวเหนอะหนะ สามารถทาทับเมคอัพได้และมีความคงตัวสูง ไม่ว่าจะโดนน้ำหรือเหงื่อออกระหว่างวัน ครีมกันแดดต้องทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวได้อย่างดี ซึ่งไม่ใช่ครีมกันแดดทาหน้าทุกชนิดที่มีคุณสมบัติกันน้ำ ดังนั้นแพทย์ผิวหนังจึงแนะนำให้เลือกกันแดดหน้าที่มีคุณสมบัติกันน้ำ กันเหงื่อ ไม่ไหลเยิ้มและไม่ทำให้เกิดคราบระหว่างวัน
4. ปกป้องพร้อมฟื้นฟูบำรุงผิวจากแสงแดด
Smooth E Physical White Babyface UV & Pollution Shield SPF 50+ PA+++ มีส่วนประกอบของ Zinc Oxide ที่ช่วยปกป้องผิวจากสารก่อความระคายเคือง และ Titanium Dioxide ช่วยป้องกันรังสี UVB อีกทั้งยังเป็นสารกันแดดชนิดกายภาพ (Physical Sunscreen) มีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดดได้ยาวนานต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง สามารถสะท้อนรังสีได้ทั้ง 2 ชนิด ทั้ง UVA และ UVB จึงป้องกันได้ทั้งผิวไหม้แดด และปัญหาผิวที่เกิดจากการถูกแสงแดดทำร้าย เช่น ริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ เพราะส่วนผสมของ Ascorbyl Tetra Isopalmitate ที่ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน ลดปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ยับยั้งร่างกายไม่ให้ผลิตสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ (ROS) ด้วยส่วนผสมจากถั่วเขียวเกาหลี และยังมี Porous Silica ที่มีลักษณะเป็นโพรง ช่วยดูดซับความมันส่วนเกินบนใบหน้า ช่วยคุมความมันระหว่างวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ครีมกันแดดทาหน้าของสมูทอียังอุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ โดยผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง มาพร้อมสูตรอ่อนโยนต่อผิว อาทิ Chamomile ช่วยลดอาการแพ้ ระคายเคือง และยับยั้งการหลั่งสาร Prostaglandin บรรเทาอาการอักเสบของผิว, Algae Extract หรือสารสกัดจากสาหร่ายสีน้ำตาลและสาหร่ายสีแดง ที่มีส่วนช่วยสร้างฟิล์มเคลือบผิว ดักจับฝุ่นละออง มลภาวะและ PM 2.5 อีกทั้งส่วนผสมของวิตามินอีที่มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระจากมลภาวะ ช่วยบำรุงผิวภายหลังการเผชิญแสงแดดอีกด้วย
5. ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว
ครีมกันแดดผิวแพ้ง่ายไม่ควรมีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว เช่น สารลดแรงตึงผิว (SLS) พาราเบน สารกันเสียในเครื่องสำอาง น้ำหอม สี และแอลกอฮอล์ เพราะสารเหล่านี้เป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ในผู้มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย การหลีกเลี่ยงสาร 5 ชนิดนี้ จึงเป็นการถนอมผิวในระยะยาว
Smooth E Physical White Babyface UV & Pollution Shield SPF 50+ PA+++ เป็นครีมกันแดดชนิดไม่มีสารเคมี (Non-Chemical Sunscreen) ได้รับการทดสอบว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองจากแพทย์ผิวหนัง เนื้อครีมกันแดดชนิด Light Cream หมดห่วงเรื่องทาแล้วหน้าลอย หน้าวอก เมื่อทาแล้วสามารถออกแดดได้ทันที เนื้อครีมเรียบเนียนไปกับผิว
การเลือกครีมกันแดดทาหน้าที่ดีจึงเป็นการลงทุนกับผิวในระยะยาว นอกจากช่วยปกป้องผิวหน้าจากแสงแดด ยังป้องกันมะเร็งผิวหนังและริ้วรอยก่อนวัยอันควร โดยเฉพาะกับสาวผิวแพ้ง่าย เมื่อเลือกครีมกันแดดผิวแพ้ง่ายอย่าง Smooth E Physical White Babyface UV & Pollution Shield SPF 50+ PA+++ แล้วไม่ต้องกังวลกับ PM2.5 เพราะสามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กอย่าง PM2.5 เป็นมิตรกับสาวๆ ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่ายและทุกสภาพผิว พกพาสะดวกด้วยขนาด 18 กรัม